ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
เคยรู้ตัวบ้างไหมว่า ทำไมชีวิตถึงไม่มีความบารอกัต..? ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วมาจากการกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น สำหรับมุสลิมแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่า “ละหมาดเปรียบเสมือนเสาหลักของศาสนา” หากละหมาดยังเลยเวลา แล้วคิดหรือว่า ชีวิตจะเจริญได้ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน เป็นเพราะอะไรนั้น เรามาดูคำตอบพร้อมๆ กันเลยค่ะ
เป็นสิ่งวาญิปสำหรับครอบครัวมุสลิมที่ต้องทำการละหมาดฟัรดู 5 เวลาและภายในวักตู (เวลา) ที่กำหนด เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทุกชีวิตในครอบครัวห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย และเป็นหนึ่งหนทางสู่ครอบครัวที่มีแต่ความบารอกัต (ความเป็นศิริมงคล) และนำพาซึ่งความเจริญที่สุดในชีวิต
ตามที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ ฏอฮา อายัตที่ 32
ความว่า “และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้า ให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำแกรง”
ซึ่งหากทำการละหมาดเลยเวลาอย่างตั้งใจจะมีโทษต่างๆ นานา เช่น ท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล.) ก็ได้ตักเตือนเตือนมุสลิมทุกคนแล้วว่า “พันธะระหว่างฉันกับพวกเขาเหล่านั้น คือ การละหมาด ใครที่ทิ้งละหมาดเขาเป็นกาเฟร”
เพิ่มเติมจากที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ มัรยัม อายัตที่ 59
ความว่า “ภายหลังจากพวกเขา ชนรุ่นชั่วก็ได้สืบต่อมา พวกเขาได้ทิ้งละหมาด และปฏิบัติตามความใคร่ ต่อมาพวกเขาก็จะประสบความหายนะ (59)”
ด้วยเหตุดังกล่าว Berita Muslim (เบอรีตามุสลิมนิตยสารมุสลิมออนไลน์) ต้องการให้ครอบครัวมุสลิม เน้นในเรื่องของการละหมาดฟัรดูเป็นหลัก อย่าได้ทำการละหมาดเลยเวลาอย่างตั้งใจ เพราะจะบาปอย่างแน่นอน
สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ จะตกเป็นเหยื่อในการยุยงของชัยฎอน และจะเป็นเพื่อนที่ดีกับชัยฎอนและชัยฎอนเองก็ชอบที่จะสนิทสนมกับผู้ที่ไม่ทำการละหมาดในเวลาอย่างตั้งใจ ที่ยิ่งไปกว่านั้น จากประสบการณ์ผู้เขียนได้สัมผัสเห็นถึงพฤติกรรมของพี่น้องมุสลิมบางคน ที่บอกว่าไม่ทันละหมาดในเวลาที่กำหนด เนื่องด้วยเหตุผลบนโลกดุนยาต่างๆนานา
จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชีวิตหรือการงานติดขัดในทุกๆด้าน แม้บางครั้งเราอาจจะคิดว่าเป็นบททดสอบก็ตาม แต่นั้นก็คือส่วนหนึ่งมาจากการกระทำของตัวราเองเช่นกัน
*ในวันที่อีหม่านเราอ่อนแอลงเราจะมองบาปเล็กว่าไม่เป็นไร แม้ว่าการละหมาดเลยเวลาอย่างไม่ตั้งใจจะเป็นที่อนุโลมก็ตาม แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เราสามารถทำได้หรือทำบ่อยเกินไป เพราะเมื่อบ่อยครั้งเกินไปสุดท้ายเราจะรู้สึกเคยชินว่าไม่เป็นไร และกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด (ทั้งที่เป็นสิ่งผิดอย่างร้ายแรงก็ตาม)
ในขณะเดียวกันแทนที่จะรู้สึกผิด และสำนึกผิดที่หลงลืมในคำสั่งของพระองค์ แต่กลับรู้สึกเฉยๆ และรู้สึกว่าไม่เป็นไรยังไงสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจก็จะเป็นที่จะอนุโลมได้
ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นจะยิ่งผิดเข้าไปใหญ่ เพราะมาจากการยุยงและหลอกลวงของชัยฎอน ที่คอยยุแหย่ให้เราหลงลืมการละหมาดที่เป็นสิ่งวาญิป (ต้องทำ ไม่ทำบาป ตกนรก)ในที่สุด วาอียาซุบิลลาฮฺ (ขอให้ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ดี)
ตามที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ อัช-ซุครุฟ อายัตที่ 36
ความว่า “และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปราณี เราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นสหายของเขา ”
และเพิ่มเติมตามที่พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในซูเราะฮฺ ฏอฮา อายัตที่ 124-126
ความว่า “และผู้ใดผินหลังจากการรำลึกถึงข้า แท้จริงสำหรับเขาคือ การมีชีวิตอยู่อย่างคับแค้น และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีพในวันกิยามะฮฺในสภาพของคนตาบอด (124)
เขากล่าวว่า “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์จึงทรงให้ข้าพระองค์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสภาพของคนตาบอดเล่า ทั้งๆที่ข้าพระองค์เคยเป็นคนตาดี มองเห็น (125)
พระองค์ตรัสว่า “เช่นนั้นแหละ เมื่อโองการทั้งหลายของเราได้มีมายังเจ้า เจ้าก็ทำเป็นลืมมัน และในทำนองเดียวกัน วันนี้เจ้าก็จะถูกลืม (126)”
พี่น้องมุสลิมท่านไหนที่ละหมาดเลยเวลาอย่างตั้งใจ อย่าลืมมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองให้ละหมาดตามเวลาที่กำหนด ทุกๆ 5 เวลา โดยเฉพาะผู้ที่มีอีหม่านอ่อนแอจะละเลยเวลาละหมาดมากที่สุดคือ ช่วงละหมาด ซุบฮฺ และอัสรี ขอให้พยายามรักษาเสาหลักของศาสนาให้ดีที่สุด แล้วชีวิตก็จะมีแต่ความบารอกัต และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความอนุมัติจากพระองค์ อินชาอัลลอฮฺ
เรียบเรียงโดย Fateemoh : Beritamuslimmag.com
ขอขอบคุณภาพประกอบโดย litmusbranding.com
