การสวมฮิญาบไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเข้าร่วมเเข่งขันกีฬา
(Cultural Hybridization)
การเข้าร่วมเเข่งขันกีฬาของชาวมุสลิม
โดยเฉพาะมุสลิมหญิงนั้น มีการเปิดกว้างขึ้น
เพราะนักกีฬาสามารถสวมฮิญาบเเละปกปิดเอาเราะห์ได้
สาวคนนี้มีชือว่า Kariman
Abuljadayel ซึ่งเป็นนักวิ่งจากประเทศซาอุดิอาระเบีย
เข้าร่วมเเข่งขันวิงระยะทาง 100 เมตร
ซึ่งเป็นกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 หรือชื่อที่เป็นทางการว่า
“กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 3″ หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ
รีโอ 2016 ซึ่งจัดในที่นครรีโอเดจาเนโร สาธารณรัฐบราซิล จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 ถึง 21
สิงหาคม พ.ศ. 2559 การแข่งขันครั้งนี้มีจำนวนนักกีฬามากกว่า
10,500 คน
Abuljadayel เป็นหญิงสาวคนเเรกที่เป็นตัวเเทนของประเทศในการเข้าร่วมเเข่งขันวิ่งระยะทาง
100 เมตร เเม้ว่าผลการเเข่งขันครั้งนี้ เธอได้ลำดับที่ 7
เเต่เธอก็ชนะใจเเฟนๆชาวมุสลิมเเละคนอื่นๆไปไม่น้อย เนื่องจากการคลุมฮิญาบของเธอ
สำนักข่าว BBC รายงานว่า มีการเเข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด
ซึ่งมีหญิงสาวมุสลิมเข้าร่วมเเข่งขันจากประเทศอียิปต์ ซึ่งมีการคลุมฮีญาบมิดชิด
เเละการเเต่งกายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเเข่งขันเเต่อย่างใด
ถึงเเม้ว่าคู่เเข่งอีกทีมจากประเทศเยอรมัน จะสวมชุดบิกินี่
ซึ่งบ่งบอกถึงความเเตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง “the cover-ups” เเละ “the cover-nots” เเต่สาวมุสลิมคนนี้ก็ไม่หวั่น
ถึงเเม้ว่า การเเต่งกายเเบบมิดชิด เเละการคลุมฮิญาบอาจจะมีผลต่อ Performance
ของตัวเองในการเเข่งขันก็ตาม
Doaa
Elghobashy นักกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดของอียิปต์ได้กล่าวว่า ”
เธอได้สวมฮิญาบมา 10 ปีเเล้ว
เเละสิ่งนี้ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งที่เธอรักที่จะทำมัน
เเละการเล่นวอลเลย์บอลชายหาดเป็นกีฬาหนึ่งที่ตัวเองชอบมากๆ”
อีกสำนักข่าว abnewstoday รายงานว่า ยังมีตัวแทนสตรีมุสลิมชาวอเมริกาที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี
2016 และถือว่าเป็นสตรีคนแรกที่สวมฮิญาบ สตรีมุสลิมท่านนี้มีนามว่า
“อิบติฮัจ มูฮัมหมัด” (Ibtihaj Muhammad).
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอได้ตัดสินใจจะเข้าร่วมในงาน
Festival SXSW 2016 “งานเทศกาลการประชุมจากทิศใต้จนถึงทิศตะวันตกเฉียงใต้” ในรัฐเท็กซัสนั้น
ทางเจ้าหน้าที่ต้องการให้เธอถอดฮิญาบออกเพื่อทำบัตรประจำตัวเข้าร่วมงาน
(ไอดีการ์ด) ซึ่งเธอได้เผชิญกับเหตุการณ์นี้ ด้วยการปฏิเสธที่จะถอดฮิญาบ
และเธอย้ำว่า “นี่คือการปฏิบัติตามคำสั่งสอนที่สำคัญของศาสนาอิสลาม“ แต่เมื่อเธอถูกบีบบังคับจากเจ้าหน้าที่อย่างหนักทำให้เธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมงานดังกล่าว
ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ”งานเทศกาลจากทิศใต้จนถึงทิศตะวันตกเฉียงใต้”
เผยว่า
หลังจากที่รับทราบเรื่องดังกล่าวก็ออกแถลงการณ์โดยทำการขอโทษต่อนักกีฬาสตรีชาวมุสลิมท่านนี้
และไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอได้รับเชิญให้ไปร่วมนมาซในมัสยิดแห่งหนึ่งในอเมริกา
และกล่าวถึงการกระทำเช่นนี้ของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นการกระทำที่น่าอับอายและไม่ให้เกียรติต่อชาวมุสลิม
อิบติฮาจ ยังกล่าวอีกว่า การจัดรายการลักษณะนี้จัดขึ้นเป็นประจำ
และในกรณีนี้จำต้องปฏิเสธคำพูดที่ละเมิดต่อคำสั่งสอนของศาสนาอิสลาม
และในห้วงเวลาดังกล่าวฉันไม่ต้องการให้มันมีผลกระทบต่อฉัน
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงต้องออกจากสถานที่แห่งนั้น
Pete จาก Oxford กล่าวว่า
ไม่มีอะไรเสียหายกับการเเต่งกายเเบบนี้ เเละเป็นการเเสดงถึงวัฒนธรรมที่ต่างกัน
สามารถอยู่ร่วมกันเเละร่วมสนุกกับการเเข่งขันเเละกีฬาได้ บางคนประณามว่า
เป็นการสร้างเเละโปรโมทในเรื่องของ Cultural Clash ส่วนอีกกลุ่มก็โต้เเย้งว่า
เเท้จริงเเล้ว มันไม่ใช่ Cultural Clash เเต่เป็น Cultural
Difference
อย่างไรก็ตาม
จากการเเข่งขัน สิ่งที่เราเห็นชัด คือ อิสลามไม่ได้สอนให้ห้ามเล่นกีฬา เเละเข้าร่วมเเข่งขัน
เเต่ อิสลามเปิดกว้างโดยที่กำหนดว่า ผู้เเข่งขันต้องปกปิดเอาเราะห์เท่านั้น เพราะ
คนดูรอบสนาม มีทั้งผู้ชาย เเละผู้หญิง เเละคนต่างศาสนิก ควรคิดว่า สิ่งนี้เป็น
“สิ่งที่สวยงาม” เเละเป็น” วัฒนธรรมผสมผสาน” (Cultural
Hybridization) มากกว่า “เป็นสิ่งที่สร้างปัญหา” หรือ
” เป็นความขัดแย้งวัฒนธรรม”
โดย :
1. สำนักข่าว Stuff
http://www.stuff.co.nz/…/saudi-arabian-womens-sprinter-crea…
2. สำนักข่าว BBC
http://www.bbc.com/news/magazine-37009324
3. สำนักข่าว
abnewstoday
http://www.abnewstoday.com/7306
