ในนาทีนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการฟุตซอลทีมชาติไทยคนนี้ เพราะในทัวร์นาเมนต์สำคัญปีที่ผ่านมา ได้พาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ฟุตซอลชิงเเชมป์อาเซียน 2016 ทั้งยังคว้ารางวัลดาวซัลโวร่วมมาครองได้อีกหนึ่งรางวัล Berita Muslim Life ได้มีโอกาสพูดคุยถึงเส้นทางชีวิตของการเป็นนักฟุตซอลทีมชาติไทยที่ถูกยกให้เป็น “เพชรเม็ดงามแห่งวงการฟุตซอลไทย”
มูฮัมหมัด อุสมานมูซา หรือ “เหม็ด” กองหน้าช้างศึกโต๊ะเล็ก วัย19 ปี ซึ่งคุณพ่อเป็นชาวกานาและเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 3 ขวบ จึงต้องอาศัยอยู่กับยายเพียงลำพังเพราะคุณแม่คนไทยต้องเดินทางไปทำงานตามที่ต่างๆตลอดเหม็ดเล่าว่า “ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างหรือน้อยใจที่ไม่มีพ่อ เพราะผมเข้าใจว่าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ ส่วนแม่ก็ต้องเดินทางไปทำงานบ่อยๆ การอยู่กับโต๊ะ(ยาย) ก็มีความสุขดีนะครับ”
เจ้าหนูลูกครึ่งคนนี้ ชื่นชอบกีฬาประเภทนี้เป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะพ่อของเหม็ดเป็นอดีตนักฟุตบอลของสโมสรยาสูบ ขณะที่เหม็ดมักจะออกไปเตะบอลพลาสติกในพื้นที่เล็กๆกับเพื่อนๆแถวบ้านเป็นประจำ “จริงๆ ผมก็เหมือนเด็กทั่วๆไป เล่นเกม อยู่กับเพื่อน ว่างๆก็ไปเตะบอลกัน แต่จะเป็นบอลพลาสติกนะ เตะกันข้างบ้านนี่แหละ ที่ก็จะแคบๆหน่อย เพราะใจมันชอบด้วย พอเข้า ม.1 ที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร ผมก็ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งฟุตซอลรายการต่างๆของโรงเรียน”
ช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย เหม็ดได้ย้ายเข้าไปอยู่ในรั้วของสถาบันที่ขึ้นชื่อด้านกีฬาฟุตซอลอย่าง โรงเรียนราชวินิตบางเขน ที่นี่เขาต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตจากเด็กไป-กลับเป็นชีวิตเด็กหอ เพราะโรงเรียนอยู่ไกลจากบ้าน แม้จะต้องเรียนหนักร่วมกับการซ้อมฟุตซอลอย่างต่อเนื่องและเกิดอาการคิดถึงบ้านจนรู้สึกท้อ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ล้มเลิกความฝันที่จะได้เป็นนักฟุตซอลทีมชาติ มีธงชาติไทยติดที่หน้าอก เพื่อความภาคภูมิใจของตนเองและครอบครัว
ในที่สุด เขาใช้ความฝันเป็นพลังขับเคลื่อนผลักดันและมีส่วนร่วมจนสามารถพาสถาบันคว้าแชมป์ได้เกือบทุกรายการที่เข้าร่วมแข่งขัน ด้วยฝีเท้าและผลงานจึงทำให้เหม็ดคว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ และถูกทีมแบงค็อก บีทีเอส ที่มองเห็นพรสวรรค์ของเขาดึงตัวเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเขาก้าวสู่เส้นทางแข้งโต๊ะเล็กทีมชาติไทยด้วยวัยเพียง 18 ปี
“ผมใช้เวลา 8-9 ปี ในการเล่นจนได้ติดทีมชาติ อายุ 18 ปี ก็ถือว่าเร็วกว่าที่ฝันไว้มาก ส่วนตัวคิดว่าวันนึงต้องติดครับ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ (หัวเราะ) ครอบครัวคือกำลังใจของผมนะครับ อย่างที่ผมตั้งใจไว้ว่า ต้องทำให้ครอบครัวสบายให้ได้ ตอนนี้ก็มาได้ก้าวหนึ่งแล้ว อนาคตผมต้องการไปเล่นฟุตซอลระดับโลก และได้ค้าแข้งที่ต่างประเทศ ส่วนจะกี่ปีนั้นก็บอกไม่ได้ครับ แต่จะทำให้ได้ เพื่อความฝัน”
เหม็ดได้บอกกับ Berita Muslim Life ถึงจุดเด่นของตัวเองที่ทำให้มาถึงฝันได้ไวกว่าที่คาดหวังไว้ “ผมคิดว่าผมเป็นคนที่มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อ ผมตั้งใจในสิ่งที่ผมทำ และคงบวกกับรูปร่างของผมเอง ที่เป็นลูกครึ่ง ร่างกายก็จะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ” ทุกๆความสำเร็จย่อมมีต้นแบบและแรงบันดาลใจ สำหรับเหม็ด ยกให้ อาร์ม ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง เป็นไอดอล เพราะด้วยสไตล์การเล่น และลูกยิงที่ชาญฉลาด เฉียบขาด “เรื่องนี้พี่อาร์มไม่รู้นะครับ เพราะผมไม่เคยบอก (หัวเราะ)”
ในฐานะนักฟุตซอลมุสลิม เหม็ดนำหลักศาสนาอิสลามมาใช้ในการดำรงชีวิตตามที่โต๊ะ(ยาย)แนะนำเสมอ “โต๊ะสอนผมตลอดว่า ถ้าเราไม่ลืมอัลลอฮฺ(ซ.บ.) อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ก็จะไม่ลืมเรา ทุกลมหายใจ ทุกการกระทำ ผมจะระลึกถึงพระองค์เสมอ ในช่วงของรอมฎอนที่ผ่านมา ช่วงแรกก็ลำบากนะครับ เพราะเราไม่ได้ดื่มน้ำ มันมีผลกับการหายใจเหมือนกัน พอผ่านไปสักพักก็ปรับตัวได้ครับ”
เหม็ดฝากบอกกับน้องๆที่มีความฝันและรักการเล่นกีฬาว่า “การเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องเรียนหนังสือด้วย ส่วนกีฬาฟุตซอลหรือกีฬาอื่นๆ ถ้าเรามีความสามารถก็เล่นเป็นอาชีพได้ แต่ต้องไม่ทิ้งการเรียน ต้องตั้งใจ อดทน และไม่ท้อถอย”
Berita Muslim Life ขอเป็นกำลังใจให้เหม็ดไปถึงฝันได้สำเร็จ และนำพาทีมชาติไทยไปคว้าแชมป์โลกมาให้ได้ ขอความเมตตาและสันติสุขจงประสพแก่ผู้อ่านทุกท่าน