ความยิ่งใหญ่ของดาบ ซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี ได้รับการเปิดเผยโดย ศ. ดร. ปีเตอร์เพาฟเลอร์ชาวเยอรมนี โดยศาสตราจารย์ท่านได้ พบ CNT ในดาบ และอาวุธต่างๆที่ใช้โดยกองทัพอิสลามในช่วงเวลาของสงครามครูเสด และ CNT นี่เอง ที่ทำให้ดาบมีความแหลมคมแต่ยืดหยุ่นได้ง่าย เทคโนโลยี NANO นี้ ใช้เหล็ก “damarcus” หรือที่เรียกกันว่า แร่วู๊ตซ์ ซึ่งเป็นแร่เหล็กที่ธาตุคาร์บอนสูง นอกจากนี้ธาตุเหล็กและคาร์บอนองค์ประกอบต่างๆเช่นโครเมียมแมงกานีสโคบอลต์ยังมีการเพิ่มเพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานและมีความยืดหยุ่น
ดาบที่ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะวิทยา ว่ามีความคมมากที่สุดในโลก ความคมของดาบนี้ สามารถฟันเสื้อเกราะให้ขาด และตัดดาบของศัตรูคู่อริได้อย่างง่ายดาย สามารถผ่าโล่เกราะคุ้มกันที่เป็นเหล็กและหินโดยที่ไม่ทำให้คมดาบบิ่นแม้แต่น้อย ความแข็งแกร่งของดาบเล่มนี้ ที่ทำโดยชาวดามชิก สามารถเอาชนะดาบของซามูไรชาวญี่ปุ่น และ ดาบของคิงส์อาเธอร์คาลิเบอร์ ดาบเล่มนี้ทำมาจาก เหล็กกล้า “damarcus” ด้วยเทคนิคที่เร้นลับโดยมีการเคลือบ CNT (Carbon Nano Tubes) ซึ่งทำให้เกิดความคมและยืดหยุ่นได้ เทคนิควิธีและศิลปะในการทำดาบเล่นนี้ เป็นความลับที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหะวิทยาชาวตะวันตกต้องการค้นหาและวิเคราะห์อยู่ในทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงทึ่งและตะลึงกับเทคโนโลยีที่เกิดจากอารยธรรมอิสลามในยุค ศตวรรษที่ 12
เทคนิคการทำดาบนี้ ถือเป็นความลับสุดยอด โดยมีเพียงไม่กี่ครอบครัวในดามชิก ประเทศซีเรีย ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จนในที่สุด ประมาณปลายศตวรรษที่ 18 เทคโนโลยีการทำดาบนี้ ก็ได้สูญหายไป คงเหลือไว้เพียงดาบ หอก และมีด อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก และสิ่งที่น่าคิดก็คือ ความรุ่งเรืองทางวิชาความรู้ในยุคอารยธรรมอิสลาม ที่มีความเด่นล้ำนำสมัยมาตลอดตั้งแต่ในอดีต.. แต่น่าเสียดาย ที่สิ่งเหล่านี้กลับถูกเลือนหายไปจากความทรงจำของสังคมมุสลิม..
เรียบเรียงโดย imron berita muslim
#beritamuslim #beritamuslimlife #ข่าวสารมุสลิม #นิตยสารมุสลิม #ประวัติศาสตร์ #ดาบ #
