ซูเราะฮฺอาละอิมรอน อายัต 46-48
وَيُكَلِّمُ النَّاسَ فِي الْمَهْدِ وَكَهْلاً وَمِنْ الصَّالِحِينَ
46. และเขา(*1*)จะพูดแก่ผู้คนขณะอยู่ในเปล(*2*) และในวัยกลางคน(*3*) และจะอยู่ในหมู่คนดี
(1) หมายถึงนาบีอีซา
(2) คือขณะยังเป็นเด็กนอนแบเบาะอยู่ในเปล แต่พวกก็อดยานีบิดเบือนไปว่าเพียงพูด อ้อแอ้เท่านั้นไม่ใช่พูดเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อแก้ข้อกล่าวหาแทนแม่ของท่าน ตามที่อัลกุรอานได้ระบุไว้ ดู บะยานุลกุรอาน เล่ม 3 หน้าที่ 596-597
(3) คือในวัยที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นร่อซูล ทั้งนี้เป็นการพูดในฐานะทำหน้าที่ประกาศศาสนา
47. นางกล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะมีบุตรได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่มิได้มีบุรุษใดแตะต้องข้าพระองค์(*1*) พระองค์ตรัสว่า กระนั้นก็ตาม อัลลอฮจะทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ประสงค์ เมื่อพระองค์ทรงชี้ขาดงานใดแล้ว? พระองค์ก็เพียงประกาศิตแก่สิ่งนั้นว่า จงเป็นขึ้นเถิด แล้วมันก็จะเป็นขึ้น
(1) คือทั้ง ๆ ที่ไม่มีชายใดแตะต้องตัวเธอ ในฐานะสามี ในเรื่องนี้ พวกก็อดยานี บิดเบือนไปว่า พระนางมัรยัม มีสามีชื่อโยเซฟ ซึ่งเป็นบิดาของท่านนาบีอีซา และนอกจากท่านนาบีอีซาแล้ว ทั้งสองยังมีลูกชายและลูกหญิงอีกหลายคน ดูบะยานุกุรอาน เล่ม 3 หน้า 600-603
48. และพระองค์ก็จะทรงสอนเขา ซึ่งการเขียน(*1*) และความรู้อันถูกต้อง และสอนอัตเตารอต และอัลอินญีล(*2*)
(1) คำว่า “การเขียน” นี้แปลจากคำว่า “อัลกิตาบ” ทั้งนี้ตามที่ตัฟซีร์ อัลมะรอฆี และตัฟซีร์ อัลญะลาลัยน์ได้อธิบายไว้
(2) อัตเตารอต คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่นาบีมูซา และอินญีล คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่นาบีอีซา
#beritamuslim #beritamuslimlife #ข่าวสารมุสลิม #นิตยสารมุสลิม #ซูเราะฮฺ #อาละอิมรอน 46-48