กินสะฮูรอย่างไร ให้ได้บะร่อกะฮฺ..
ปรากฏว่า
เมื่อการถือศีลอดได้ถูกบัญญัติให้แก่พวกอะฮฺลุลกิตาบในสมัยก่อนอิสลามนั้น ในเวลาถือศีลอด
ถ้าพวกเขานอนหลับเสียก่อนการแก้ศีลอด
ในคืนนั้นทั้งคืนพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้กินได้ดื่มและร่วมหลับนอนกับภรรยาของพวกเขา
จนกระทั่งในวันรุ่งขึ้น
ต่อมาการถือศีลอดเช่นนี้ได้ถูกบัญญัติให้แก่บรรดามุสลิมในระยะแรกของการถือศีลอดด้วย
และต่อมาบัญญัติดังกล่าวได้ถูกยกเลิก ท่านร่อซู (ซ.ล.) จึงได้ใช้ให้มีการกินสะฮูร
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นการแตกต่างระหว่างการถือศีลอดของเรากับการถือศีลอดของพวกอัฮฺลุลกิตาบ
คุณประโยชน์ของการกินสะฮูร
มีความจำเริญ (บะร่อกะฮฺ) มีรายงานจากซัลมาน อัฟาริซีย์ แจ้งว่า ท่านร่อซู (ซ.ล.)
กล่าวว่า “ความจำเริญ (บะร่อกะฮฺ) นั้นมีอยู่ใน 3 ประการคือ การรวมกันเป็นหมู่คณะ
(อัลญะมาอะฮฺ) น้ำซุปผสมกับขนมปัง (อัษษะรีด) และการกินสะฮูร” บันทึกโดย : อัฎฎอบรอนีย์
มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ
อิบนิลฮ่ริช จากชายคนหนึ่งที่เป็นสาวกของท่านนบี กล่าวว่าฉันได้เข้าไปหาท่านนบี
ในขณะที่ท่านกำลังกินสะฮูร ท่านได้กล่าวว่า “แท้จริงสะฮูรนั้นเป็นความจำเริญ
(บะร่อกะฮฺ) อัลลอฮฺได้ประทานให้แก่พวกท่านโดยเฉพาะ
ดังนั้นพวกท่านอย่าละเว้นการกินสะฮูร” บันทึกโดย : อะหมัดและอันนะซาอียฺ
ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าการกินสะฮูรนั้นมีความจำเริญ
(บะร่อกะฮฺ) เพราะเป็นการปฏิบัติตามซุนนะฮฺ
ทำให้ผู้ถือศีลอดมีพลังในการประกอบอิบาดะฮฺ มีความแตกต่างกับพวกอะฮฺลุลกิตาบ
เพราะพวกเขาไม่กินสุฮูร ด้วยเหตุนี้ ท่านร่อซู (ซ.ล.) เรียกชื่อสะฮูร
ว่าเป็นอาหารเช้าที่มีความจำเริญ ทั้งนี้ตามรายงานฮะดีสของท่านนบี
ซึ่งบันทึกโดยอัลอิรบาฎ อิบนฺ ซารียะฮฺ และอะบีอัดอัรดาอฺ ที่กล่าวว่า
“จงมาร่วมกินอาหารเช้าที่มีความจำเริญ หมายถึงกินสะฮูร” ฮะดีสศ่อเฮี้ยะฮฺ
บันทึกโดย :
อะหมัด และอิบนฺฮิบบาน
อัลลอฮฺ
(ซ.บ.) ประทานความเมตตาและมะลาอิกะฮฺ จะขอพรให้ผู้กินสะฮูร
หวังว่าส่วนหนึ่งจากความยิ่งใหญ่แห่งความจำเริญของการกินสะฮูร คือการที่อัลลอฮฺ
(ซ.บ.) ทรงแผ่คลุมการอภัยโทษของพระองค์แก่บรรดาผู้กินสะฮูร
และประทานความเมตตาของพระองค์ให้แก่พวกเขาอย่างสมบูรณ์
และมะลาอิกะฮฺของพระองค์ได้ขออภัยโทษให้แก่พวกเขา
เพื่อที่พวกเขาจะได้ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระในเดือนแห่งอัลกุลอาน
เป็นที่ชอบให้กินสะฮูรล่าออกไปจนกระทั่งก่อนเวลาฟัจรฺเล็กน้อย
เพราะท่านนบีและเชดอิยนฺชาบิด ได้กินสะฮูรร่วมกัน
เมื่อทั้งสองกินสะฮูรเสร็จแล้วท่านนบี (ซ.ล.) ได้ลุกขึ้นไปเพื่อทำละหมาด
เวลาว่างระหว่างการกินสะฮูรกับการเข้าไปทำละหมาดของทั้งสอง
เป็นระยะเวลาประมาณได้เท่ากับการอ่านอัลกุรอาน 50 อายะฮฺ มีรายงานจาออะนัส
จากเชคอิบนฺซาบิต กล่าวว่า “เราได้กินสะฮูรพร้อมกับท่านนบี
แล้วท่านได้ลุกขึ้นไปละหมาด
ฉันได้ถามท่านว่าระยะเวลาระหว่างการอะซานและการกินสะฮูรยาวนานเท่าใด? ท่านตอบว่า
ประมาณ 50 อายะฮฺ” บันทึกโดย : อัลบุครีย์ และมุสลิม
ดังนั้นจึงเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า
คำสั่งใช้ของท่านนบี เป็นคำสั่งที่เน้นหนักถึงความสำคัญของการกินสะฮูร
ซึ่งพอสรุปได้ 3 ประเด็นคือ
1.
เป็นคำสั่งใช้ให้ปฏิบัติ
2.
เป็นสัญลักษณ์แห่งการถือศีลอดของมุสลิมีน
และเป็นข้อแตกต่างระหว่างการถือศีลอดของมุสลิมีนกับการถือศีลอดของบุคคลอื่น
3.
เป็นการห้ามมิให้ละเว้นการกินสะฮูร
บทความจาก อาจารย์อะหมัด ยูนุส สมะดี
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต