อับดุล กัฟฟาร์ ว๊ารซี่ ประธานหอการค้าไทย-ปากีสถาน / นายกสมาคมเชื้อสายปากีสถาน
หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานหอการค้าไทย-ปากีสถาน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา นายอับดุล กัฟฟาร์ ว๊ารซี่ กล่าวว่า มีความพร้อมที่สร้างองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะให้องค์กรแห่งนี้เป็นตัวความสัมพันธ์ทางด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งการท่องเที่ยว-วัฒนธรรมให้เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ
“ในฐานะที่ผมเป็นประธานหอการค้าไทย-ปากีสถาน ขณะนี้ทางหอการค้าฯมีแนวคิดหลายอย่าง และได้วางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่า ในปี 2565 หากมีการเปิดประเทศแล้ว จะเร่งสานต่อในเรื่องของการค้าระหว่างไทย-ปากีสถาน เพื่อให้ทั้งสองประเทศมีการด้าและการดำเนินธุรกิจร่วมกันมากขึ้น”
“โดยส่วนหนึ่งจะมีการจัดสัมมนาเปิดให้นักธุรกิจทั้งไทยและปากีสถานเข้าร่วมและแนะนำสินค้า เพื่อจะได้หาแนวทางทำธุรกิจร่วมกัน และหาก รัฐบาลไทยกับบรัฐบาลปากีสถาน ได้ทำสัญญาร่วมกัน คิดว่าธุรกิจก็จะดีขึ้นมาก สินค้าของทั้งสองประเทศ ก็จะนำเข้าและส่งออกได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องเสียภาษี”
ประธานหอการค้าไทย-ปากีสถาน กล่าวต่อว่า พี่น้องมุสลิมจะได้รับประโยชน์จากการค้าไทย-ปากีสถาน โดยขณะนี้มีสินค้าของไทยประมาณ 350 ชนิด ที่สามารถส่งออกไปปากีสถาน โดยเป็นผลิตภัณฑ์ 80 ชนิด และมีสินค้าของปากีสถานมากกว่า 180 ชนิด นำเข้ามาประเทศไทย ถ้าหากพี่น้องชาวไทยและไทยมุสลิมมีความสนใจ ก็สามารถติดต่อได้ที่หอการค้าไทยหรือติดต่อสถานทูตปากีสถาน โดยเราจะให้คำแนะนำให้ทั้งเรื่องนำเข้า-ส่งออก หรือบินไปปากีสถานเพื่อดูธุรกิจหรือการค้า
“สำหรับหอการค้าไทย- ปากีสถาน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2545 เป็นระยะเวลา 16 ปี มีผู้ทำหน้าที่ประธานหอการค้ามาแล้ว 3คน ผมป็นประธานหอการค้าคนที่ 4 โดยจากนี้ไปจะนำพาองค์กรนี้เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดกับคนไทยและปากีสถาน
อับดุลเลาะห์ อาเหม็ด บักรานี / รองประธานหอการค้าไทย-ปากีสถาน
“การทำงานร่วมกับคนไทยนั้นเป็นการสร้างการเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง พร้อมทั้งกับผลพลอยได้จากการทำธุรกิจนั้นก็ต่างสร้างประโยชน์ในด้านต่างๆเช่น การศึกษาทั้งภาคศาสนาและความรู้ทั่วๆไป อันจะเป็นรากฐานของสังคม”
“การทำงานร่วมกับสังคมพหุวัฒนธรรมในไทยนั้นไม่มีปัญหา และดำเนินไปด้วยความราบรื่นไม่ว่าจะกับผู้คนที่นับถือศาสนาไหนก็ตาม เราต่างเป็นผู้ค้าผู้ร่วมงานที่ดีต่อกัน และการทำงานกับคนไทยนั้นเป็นการทำงานที่พูดคุยติดต่อกันสะดวกง่ายดาย เข้าถึงได้ง่าย”
“สำหรับการทำงานขององค์กรนั้นจะเป็นการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับสังคมมุสลิมในหลายๆด้านและในด้านสำคัญก็คือเรื่องของการศึกษา ทั้งด้านของการเรียนศาสนา หรือการเรียนวิทยาการทั่วไป ซึ่งองค์กรนั้นมีส่วนในการช่วยสนับสนุน อันจะเป็นการสร้างสังคมมุสลิมที่แข็งแกร่ง”
มูฮัมมัด อาซีฟ มาจีด เลขาธิการหอการค้าไทย-ปากีสถาน
“ผมต้องการให้รัฐบาลไทยและปากีสถานช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้า เปิดประเด็นการตลาดและสินค้าระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้การค้าขายนั้นสามารถเกิดขึ้นสะดวกมากยิ่งขึ้น”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพชีวิตของมุสลิมทั้งไทยและปากีสถานนั้น เราจะเห็นได้ว่ามีความคล้ายคลึงกันในหลายๆด้าน สิ่งสำคัญก็คือ มุสลิมในไทยและปากีสถาน หรือมุสลิมทั่วทั้งโลกนั้นใช้แนวทางการใช้ชีวิตแบบ อิสลาม ซึ่งมีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ การใช้ชีวิตประจำวัน การปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งในด้านอื่นๆก็จะมีความพัฒนาไปมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการยึดหลักอิสลามในการใช้ชีวิตทั้งระบบตามความสามารถ