ถ้าความชั่วตอบแทนด้วยความชั่ว เราจะเรียกว่า “การแก้แค้น” แต่ถ้าความดีตอบแทนด้วยความดี เราจะเรียกว่า “เป็นเรื่องปกติ” แต่ถ้าความดี ตอบแทนด้วยความชั่ว เราจะเรียกว่า “โหดเหี้ยม” แต่ถ้าความชั่วได้รับการตอบแทนด้วยความดี เราจะเรียกว่า “น่ายกย่องและน่าชื่นชม”
ด้วยเหตุนี้ Berita Muslim (เบอรีตามุสลิมนิตยสารมุสลิมออนไลน์) เล็งเห็นความสำคัญของพฤติกรรมในสังคมมุสลิม ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความแก้แค้นต่อกัน และสามารถเป็นคนดีที่เอาชนะคนชั่วด้วยการทำความดี ตามแบบฉบับของท่านรอซูลลูลลอฮฺ (ซ.ล.) เนื่องจากมุสลิมถือว่าท่านรอซูลเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดในโลก และเรื่องเล่าต่อไปนี้จะขอเสนอเศษเสี่ยวของท่านรอซูลที่ตอบกลับความชั่วด้วยความดี
เมื่อสมัยที่ท่านรอซูลลูลลอฮฺ (ซ.ล.) ยังมีชีวิตอยู่ ณ ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองมาดีนะฮฺ
มีชายชาวยิวตาบอดคนหนึ่งที่เป็นขอทาน ในทุกๆวันเมื่อมีคนเข้ามาใกล้เขา เขาจะกล่าวว่าร้ายต่อท่านรอซูลอยู่เสมอ ด้วยการกล่าวว่า “โอ้พี่น้องของฉัน อย่าได้เข้าใกล้ มูฮำหมัดเลย เขาคือคนบ้า เขาเป็นคนโกหกและเป็นนักมายากล หากเมื่อท่านได้เข้าใกล้จะทำให้ถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว”
ขณะเดียวกันแม้ว่าคนตาบอดจะว่าร้ายต่อท่านรอซูลอยู่เสมอ แต่ท่านรอซูลกลับไม่เคยตอบกลับด้วยการกระทำที่ไม่ดี มิหนำซ้ำในทุกเช้า ท่านจะนำอาหารและป้อนอาหารให้กับชายตาบอดแทนโดยที่ท่านไม่ได้พูดว่าอะไร แม้ว่าชายตาบอดคนนั้นจะว่าร้ายต่อท่านรอซูลก็ตาม ซึ่งท่านรอซูลจะทำตามแบบนี้ในทุกเช้าจนกระทั่งท่านเสียชีวิตลง
หลังจากท่านรอซูลได้กลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ก็ไม่มีใครไปป้อนอาหารให้กับชายชาวยิวตาบอดคนนั้นดังเช่นเคย อยู่มาวันหนึ่ง ท่านอาบูบักร์ (สหายรักของท่านรอซูล) ได้ไปเยี่ยมบ้านของท่านหญิงอาอีชะห์ (ภรรยาของท่านรอซูลซึ่งเป็นลูกสาวของอาบูบักร์) และท่านได้ถามลูกสาวว่า “ลูกสาวข้าเอ่ย ซุนนะฮฺ (การกระทำของท่านรอซูล) ไหนบ้างที่ข้ายังไม่ได้ทำ”
และท่านหญิงก็ตอบว่า “โอ้พ่อของฉัน ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในซุนนะฮฺของท่านรอซูลคนหนึ่งเชียวแหละ และแทบจะไม่มีซุนนะฮฺใดที่ท่านยังไม่รู้ เว้นเสียแต่อย่างเดียว…”
“คืออะไร” ถามโดยท่านอาบูบักร์
“ในทุกเช้า ท่านรอซูล จะไปที่ท้ายๆของตลาด ด้วยการถืออาหารเพื่อให้กับชายชาวยิวตาบอดที่เป็นขอทานที่นั่น” กล่าวโดยท่านหญิงอาอีชะห์
วันรุ่งขึ้น ท่านอาบูบักร์ ก็ได้ไปที่ตลาดดังกล่าวและนำอาหารเพื่อไปให้กับชายตาบอดคนนั้น เมื่อครั้งที่ท่านอาบูบักร์ได้ให้อาหารกับชายตาบอดคนนี้ กลับโดนต่อว่ากลับ “คุณเป็นใคร”
ท่านอาบูบักร์ก็ตอบว่า “ฉันเป็นแค่คนธรรมดา”
“ไม่! ไม่ใช่คุณที่เป็นคนมาหาฉันในทุกเช้า” กล่าวโดยชายตาบอด
“เพราะหากเมื่อเขามาหาฉัน ฉันไม่ต้องยุ่งยากในการตักอาหารเอง ไม่ต้องยุ่งยากที่จะเคี้ยวอาหารนานๆ เพราะคนที่มาหาฉันคนนั้นจะเป็นคนป้อนอาหารให้กับฉันและบดอาหารให้เล็กลงก่อนที่จะป้อนให้ฉันเสียก่อน”
อาบูบักร์ อดใจไม่ไหวคิดถึงท่านสหายที่รัก จนทำให้น้ำตาคลอ พลางน้ำตาที่ไหลก็กล่าวตอบต่อชายตาบอดว่า
“ใช่ ฉันไม่ใช่คนเดิมที่มาป้อนอาหารให้กับคุณ แต่ฉันเป็นเพื่อนของเขา เพราะคนที่ประเสริฐคนเดิมไม่อยู่อีกแล้ว คนๆนั้นคือท่านมูฮำหมัด (ซ.ล.)”
หลังจากที่คนขอทานได้ฟังเรื่องราวของท่านอาบูบักร์ แล้วเขาก็ร้องไห้แล้วก็พูดว่า “จริงหรือ? ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันดูหมิ่นเขาและว่าร้ายเขามาตลอด แต่เขากลับไม่โกรธฉันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับนำอาหารมาป้อนฉันในทุกๆเช้าอีกต่างหาก เขาเป็นคนประเสริฐมาก…”
สุดท้ายชายชาวยิวตาบอดขอทานคนนั้นก็กล่าวซาฮาดะฮฺ (เข้ารับอิสลาม) ต่อหน้าอาบูบักร์ในที่สุด
ซุบฮานัลลอฮฺ… ไม่ใช่เรื่องดังกล่าวได้สอนให้เราเป็นคนตอบแทนความชั่วด้วยการทำความดีแล้วหรือ แม้ว่าจะมีคนมาทำไม่ดีกับเราก็ตาม ขอให้เราน้อมรับด้วยหัวใจที่เที่ยงตรงต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ก็เพียงพอแล้ว เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทำไม่ดีกับเรา อัลกุรอานได้สอนให้เราโต้ตอบด้วยการทำความดี อย่างเช่น
ซูเราะฮฺ อัร-เราะอฺด์ อายัตที่ 28 ความว่า “บรรดาผู้ศรัทธา และจิตใจของพวกเขาสงบด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) พึงทราบเถิด! ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เท่านั้นทำให้จิตใจสงบ”
– หากมีคนทำไม่ดีกับเรา… ให้เราโต้ตอบด้วยความดี
– หากมีคนทำไม่ดีกับเราด้วยการว่าร้าย…ให้เราตอบกลับเขาด้วยการทำความดี
– หากเขาตัดความสัมพันธ์ที่ดีกับเรา… ให้เราลองตอบกลับด้วยความสัมพันธ์ที่ดีแทน
– และหากเขาได้ว่าเราจากที่ไกล ให้เราฝากสลามให้เขาแทน
– หากเขาทำร้ายเรา… ให้เรามาอัฟ (อภัย) เขา
– แต่อย่าลืมให้อภัยกับพวกเขาด้วยคำพูดที่นุ่มนวลและบริสุทธิ์ใจ
หากเมื่อเราสามารถตอบแทนความชั่วด้วยการทำความดีแทน แน่นอนอัลลอฮฺ (ซ.บ.) จะมอบฮิกมะฮฺ (ผลตอบแทน) ที่ยิ่งใหญ่ในความอดทนให้กับเราในวันหนึ่งข้างหน้า
อินชาอัลลอฮฺ เป็นเพราะการตอบแทนความชั่วด้วยความดีของเรา เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองในที่สุด เนื่องจากความดีสามารถเอาชนะความชั่ว ซึ่งในฐานะที่เราเป็นมนุษย์แม้ว่ายากที่จะได้ทำตามแบบอย่างของท่านรอซูล แต่ก็ไม่เกินความสามารถของบ่าวผู้ศรัทธาคนหนึ่งต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) อย่างแน่นอน
ครอบครัวมุสลิมทั้งหลายสามารถนำตัวอย่างดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติให้กับตัวของเราได้ ไม่ว่าจะด้วยการสอนต่อให้กับลูกหลานรุ่นหลังหรือสอนให้กับลูกๆ หรือเป็นเรื่องเล่าให้กับเพื่อนๆ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี สุดท้ายอย่าลืมขอดุอาอฺ ให้พระองค์อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ให้ครอบครัวของเราเป็นบ่าวที่อดทน และห่างไกลจากคนชั่วทั้งหลาย อามีน
เรียบเรียงโดย Fateemoh : Beritamuslimmag.com
